Blog 76 : ‘อย่าเสพติดการเทรด’

ช่วงที่ตลาดเล่นแบบ ทุบ-ดึง-ดีด-วน

สิ่งที่ต้องระวังและทำให้เราเสียเปรียบอยู่เรื่อยๆ นอกจากการเข้าเทรดตอนไล่ราคา (FOMO)

ก็คือเรื่อง overtrade หรือเทรดมากเกินไปในตลาด highly volatile

ตลาดที่ขึ้นกับตลาดที่ง่ายนั้นไม่เหมือนกันซะทีเดียว

การดูอาการและ feedback ในแต่ละวันก็จะช่วยบอกเราได้ว่าตลาดกำลังเป็นแบบไหน

จากที่ชอบไล่ก็อาจจะรอทุบลงมาแทน (pullback ไม่หลุด / shakeout ดึงกลับ)

จากที่เทรดบ่อยเกินก็ลดจำนวนเทรดลง เลือกมากขึ้นคัดกรองให้ดีขึ้น เป็นต้นครับ

.

.

‘อย่าเสพติดการเทรด’

การมีความชอบหรือมี passion ในสิ่งที่ทำนั้นถือว่าเป็นเรื่องดี

เพราะถ้าเราไม่ชอบสิ่งที่ทำอยู่ เราก็จะทนทำอยู่ได้ไม่นานนัก

หรือทำไปก็ไม่มีความสุข เพราะมันไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับเรา

การเทรดหุ้นก็เช่นเดียวกับเรื่องอื่น คือนอกจากจะไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับทุกคนแล้ว

นิสัย , แนวคิด , และสถานะของแต่ละคน ก็ส่งผลกับการเลือกหลักการลงทุนอีกด้วย

เราจึงเห็นว่า การเล่นหุ้นนั้นมีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้

นที่ไม่ชอบเทรดก็เน้นถือยาว กินปันผล คนชอบเทรดก็มีหลายหลักการให้ศึกษาเป็นแนวทาง

คนที่ชอบเทรดจะรู้สึกสนุกกับการจับจังหวะตลาด-จังหวะของหุ้น ซึ่งทำให้เราเทรดหุ้นไปได้เรื่อยๆโดยไม่รู้สึกเบื่อ

อย่างไรก็ตาม การเทรดที่ดีนั้นไม่ใช่ว่าเราต้องเทรดให้ได้เยอะๆ เทรดตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน

แต่มันคือ ‘การเทรดเมื่อเราเห็นโอกาสที่ดีที่สุดเกิดขึ้นตรงหน้า’

ซึ่งโดยทั่วไป โอกาสที่ดีจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะตลาดมักจะมีโอกาสงามๆให้เราเทรดแค่ไม่กี่ครั้งในแต่ละ cycle ของมัน

ดังนั้น สิ่งที่ต้องระวังสำหรับคนชอบเทรดก็คือ มันอาจจะมีบางครั้งหรือหลายครั้งที่เราสนุกจนหลงและติดกับการเทรดมากจนเกินไป

การหลงใหลและติด action หากมีอาการหนักมากขึ้นก็จะนำไปสู่ ‘การเสพติดการเทรด’ (Trading Addiction)

การเสพติดการเทรดก็ไม่ต่างจากการเสพติดสิ่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นติดเหล้า-บุหรี่ , ติดการพนัน ฯลฯ

รวมถึงผลกระทบที่ยิ่งลงมือทำมาก กลับยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเองและคนรอบตัวมากขึ้นเช่นเดียวกัน

ลองมาดูอาการที่บ่งชี้ว่าคุณอาจจะมีแนวโน้มเสพติดการเทรดอยู่

– คิดว่าต้องเทรดทุกวัน ไม่ว่าจะมีการเทรดที่เข้าระบบหรือไม่

– เข้าเทรดโดยที่ยังไม่เห็นโอกาสชัดเจน หรือโอกาสที่ถูกต้องตามของระบบแต่ก็อดใจไม่ได้

– ชอบเทรดเพื่อแก้เบื่อ ไม่อยากอยู่เฉยๆจึงต้องหาอะไรเทรด (แต่เสียเงิน) ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

– เวลาที่รู้สึกหดหู่ สภาพจิตใจไม่ดีจากเหตุการณ์ต่างๆรอบตัว มักจะอยากเทรดเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น

– อารมณ์ขึ้นลงผันผวนตามกำไรขาดทุนในแต่ละวัน

– คุณพบว่าตัวเองหมกมุ่นอยู่กับการเทรดมากเกินไป จนเริ่มกระทบความสัมพันธ์ในเรื่องอื่นๆ

– คุณชอบเทรดด้วยขนาดที่ใหญ่เกินไป ทั้งๆที่หุ้นหรือตลาดยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ

– เคยมีคนใกล้ตัวบอกให้คุณหยุดพักการเทรดบ้างหรือไม่

ถ้าพบว่าคุณเข้าข่ายเกิน 3 ข้อจากตัวอย่างข้างต้น ก็มีแนวโน้มที่คุณเริ่มจะเสพติดการเทรดแล้วครับ

ผลกระทบของการเสพติดการเทรด หากแบ่งเป็นข้อก็จะมีประมาณนี้ครับ

ข้อแรก คนที่อยู่เฉยๆไม่เป็นชอบฝืนเทรดในจังหวะที่ยังไม่ถูกต้องจริงๆ มักจะเจอกับการขาดทุนติดต่อกัน

เมื่อขาดทุนเยอะ ก็มักจะคิดหาวิธีเอาคืนให้เร็วที่สุด พออยากเอาคืนเร็วๆก็ยิ่งรับความเสี่ยงมากขึ้น และสุดท้ายก็ทำให้ขาดทุนหนักกว่าเดิม

ข้อสอง เมื่อเทรดจนขาดทุนมากไป สภาพจิตใจก็จะย่ำแย่ลงเรื่อยๆจนนำไปสู่การไม่เชื่อมั่นในฝีมือตัวเอง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่ส่งผลกระทบในระยะยาว เพราะการเทรดนั้นเราต้องมีความมั่นใจในตัวเองและทำสภาพจิตใจให้พร้อมอยู่เสมอ

และข้อสาม คือ ผลกระทบกับคนรอบตัวและเรื่องอื่นๆ

หากเทรดไม่ดีแล้วอารมณ์เสียก็อาจจะมีปัญหากับครอบครัว คนใกล้ชิด และกระทบไปยังหน้าที่การงานอื่นได้

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ในเบื้องต้นคือ

– เมื่อเราพบว่าเริ่มเทรดได้ไม่ดี ขาดทุนติดต่อกัน สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนคือ ‘หยุดเทรด’ และ ‘พักการเทรด’

– เมื่อหยุดแล้วให้ทบทวนตัวเอง ตรวจสอบภาวะตลาดและผลการเทรดของเรา

หาบทเรียนว่าเราทำอะไรผิดพลาดหรือไม่สอดคล้องกับตลาดอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะแก้ไขในโอกาสต่อไป

– ลองหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เก่งกว่าเรา มีประสบการณ์ในตลาดมากกว่าเรา ความเก๋าของรุ่นพี่จะช่วยเราได้เสมอครับ

– คิดไว้เสมอว่า ‘คุณไม่จำเป็นต้องเทรดตลอดเวลา’

ไม่จำเป็นต้องเทรดบ่อย-เทรดทุกวัน ก็สามารถทำกำไรอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว

แต่ในช่วงที่เรากำลังพัก ถ้าหากตลาด-หุ้นเกิดรูปแบบที่เราคิดว่าน่าเทรดจริงๆตามระบบ

ก็สามารถลองเทรดด้วยขนาดที่เล็กกว่าปกติ จนกว่าเราจะกลับมาเทรดได้ดีอีกครั้ง

สุดท้ายนี้ ผมมีคำแนะนำที่ดีจาก Dr. Brett Steenbarger มาฝากครับ

โดยเค้ามีโจทย์ให้เราลองคิดดูว่า 

‘ถ้ามีโอกาสเทรดได้แค่อาทิตย์ละ 1 ครั้งเท่านั้น เราควรจะลงมือเทรดอย่างไร?’

Brett Steenbarger ;

“ถ้าผมยิงกระสุน(เทรด)ได้แค่นัดเดียว ผมต้องมั่นใจว่ามันจะได้ผล

นั่นหมายความว่า ผมจะไม่เทรดอะไรที่ดูเล็กน้อยไม่มีความหมาย 

ผมต้องการเก็บเกี่ยวกำไรก้อนโตจากการเคลื่อนไหวที่มีนัยยะของตลาดเท่านั้น

ดังนั้น ผมจะคอยศึกษาค้นคว้าข้อมูล แล้วรอให้มีการเทรดดูยอดเยี่ยมจริงๆในระหว่างสัปดาห์

ผลที่ตามมาก็คือ ถ้ามีการเทรดที่ยังไม่เข้าข่ายหรือผ่านเกณฑ์ของผมอย่างชัดเจนจริงๆ ผมก็จะไม่เทรดเลย

การคอยมองหาไอเดียการเทรดอยู่ตลอดเวลายังถือว่าไม่เพียงพอ ถ้าหากคุณสามารถเทรดได้แค่อาทิตย์ละ 1 ครั้ง

คุณต้องรอให้ไอเดียและการเทรดที่สุดยอดนั่นเข้ามาหาคุณเอง

ดังนั้น ถ้ามันไม่มีการเทรดที่วิ่งเข้ามาโดนใจผมอย่างจัง ผมก็จะยังไม่เทรด

เพราะผมไม่ต้องการเปลืองกระสุนไปโดยเปล่าประโยชน์

สิ่งที่ผมเห็นจากการทดลองนี้คือ จนถึงตอนนี้มันเป็นการเทรดที่ทำให้ผมมีกำไรดีและมีผลงานสม่ำเสมอ

ถ้าสิ่งนี้ยังไปได้ดี ผมก็จะเพิ่มขนาดในการเทรดที่คัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผมจะเทรดบ่อยขึ้น

เพราะถึงแม้ว่าผมจะคอยตรวจสอบและอัพเดตตลาดเป็นประจำทุกวัน

แต่ผมจะเทรดก็ต่อเมื่อทุกอย่างเข้าทางผมเท่านั้น

ผมพอใจที่จะยอมตกรถบ้าง ตราบใดที่ผมยังได้กำไรจากการเทรดที่ผมคัดเลือกเป็นอย่างดี

การเทรดสไตล์นี้ได้มอบประสบการณ์ใหม่แก่ผมอย่างสิ้นเชิง

ผมตรวจสอบตลาดแค่ตอนเช้า กลางวัน และตอนเย็น

ผมไม่เสียเวลาไปกับการนั่งเฝ้าจอทั้งวัน มันทำให้ผมมีเวลามากขึ้นในการทำสิ่งอื่นๆในชีวิต

การเทรดน้อยลงกลับหมายถึงการทำกำไรได้มากขึ้น และยังมีประสิทธิผลที่ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ มันยังช่วยให้ผมสามารถระบุรูปแบบและเทคนิคใหม่ๆที่ผมคิดว่าผมคงจะไม่สามารถเรียนรู้ได้

ถ้าหากผมยังมีพฤติกรรมเสพติดการเทรดแบบเดิมอีก”

.

Blog 76 : ‘อย่าเสพติดการเทรด’

24 เมษายน 2017 , Updated 2023

Author: admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.