บทความที่แล้ว ผมเขียนตกไปเรื่องนึงซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นนำตลาดของปีนี้หลายตัวเริ่มร่วงลงแรง นั่นคือการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นนำตลาดเป็นหุ้นกลุ่มใหม่ บทความนี้จะมาขยายความหัวข้อนี้มากขึ้นครับ
####
Sooner or later, all trends end and when they do, it is not pretty.”
ปกติเราจะเห็นหุ้นเทพหรือหุ้นที่ให้ผลตอบสูงเปลี่ยนหน้ากันอยู่ทุกปี อาจจะมีบางตัวที่ติดอันดับหุ้นเทพได้ต่อเนื่อง 2-3 ปี
แต่สุดท้ายแล้วนั้น เมื่อราคาหุ้นถูกเล่นไปมากและสะท้อนสิ่งดีๆของบริษัทจนหมด (หมด story) เงินของ smart money ที่ทำการสะสมหุ้นเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้น trend ก็จะทยอยไหลออกจากหุ้นที่เริ่มเป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่ (mass)
เงินเหล่านี้จะถูกหมุนไปสะสมหุ้นตัวใหม่ที่คนยังไม่คุ้นเคยนัก หรือเคยเป็นหุ้นที่ถูกลืม-ถูกมองข้ามไปด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่คนกลุ่มนี้มองเห็นและอาจจะรู้ข้อมูลสำคัญว่า โอกาสในอนาคตของหุ้นตัวใหม่นั้นดีกว่าและน่าสนใจกว่าหุ้นยอดนิยมทั้งหลายในตอนนี้
เมื่อเงินของเหล่า smart money เริ่มโยกย้ายและทำงานใหม่ เราก็จะเห็นหุ้นหน้าใหม่ๆโดดเด่นขึ้นมาทีละตัวสองตัว และหลายตัวมีโอกาสที่จะเป็นหุ้นนำตลาดในช่วงขาขึ้นรอบถัดไป หรือหุ้นเทพของปีต่อไปครับ
ธรรมชาติของเงินจะไหลออกจากสิ่งที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนต่ำ เข้าไปสู่สิ่งที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า (expected return)”
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะทำให้หุ้นตัวหนึ่งสามารถพุ่งขึ้นมาเป็นหุ้นนำตลาด ‘ตัวใหม่’ ได้นั้น มักจะมีดังนี้
– การค่อยๆ turnaround และเริ่มเข้าสู่ช่วงเติบโตสูง
– กำไรโตต่อเนื่อง 2-3 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้นักลงทุนรายใหญ่หรือกองทุนต้องซื้อหุ้น และดันราคาให้สูงลิ่ว
– การปรับปรุงธุรกิจหรือขยายการลงทุน ซึ่งกำลังจะแสดงผลลัพธ์ให้เห็นชัดจากงบการเงินในอนาคต
– สินค้าและบริการเริ่มติดตลาด เป็นที่นิยมมากขึ้นหลังผ่านช่วงทดลอง
– เกิดนวัตกรรมหรือ product ตัวใหม่ (new thing!)
– ขยายตลาด เพิ่มช่องทางการขายใหม่ เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ฯลฯ
ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม อัตรากำไรดีขึ้น ซึ่งมีผลต่อเนื่องไปสู่การปรับค่า PE ของหุ้นตัวนั้นให้สูงขึ้น (pe expansion)
และส่งผลมายังขั้นสุดท้าย คือการที่ราคาหุ้นสามารถวิ่งขึ้นไปได้เรือยๆจนกลายมาเป็นหุ้นเทพของปีนั้น..
อีกหนึ่งปัจจัยซึ่งอาจจะทำให้เกิดกลุ่มหุ้นนำตลาดชุดใหม่คือ ‘การเปลี่ยน Theme ครั้งใหญ่ของตลาด’
เช่น การเปลี่ยนกลุ่มหุ้นนำตลาดจากหุ้น high growth & high PE หรือหุ้นแพง มาเป็นกลุ่มหุ้น value , cyclical หรือ dividend ที่ราคายังดูไม่แพงมากจนเกินไป
โดยสาเหตุอาจเกิดจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม หรือปัจจัยเชิงมหภาค เช่น อัตราดอกเบี้ย , ผลตอบแทนพันธบัตร , ค่าเงิน ฯลฯ
(ปัจจัยนี้นานๆจะเกิดขึ้นซักครั้ง แต่สามารถทำให้กลุ่มหุ้นนำตลาดเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลย)
หน้าที่ของนักลงทุนอย่างเราๆในแต่ละปีก็คือ การค้นหาหุ้นที่มีโอกาสจะเป็น Big Winner ตัวต่อไป ตามแนวคิดการลงทุนและระบบของตัวเอง
ถ้าเรามีระบบกรองกราฟ ก็มักจะเห็นหุ้นที่มีอาการถูกสะสมในช่วงต้นๆ และยังพอมีเวลาให้เราไปแกะพื้นฐานรอสัญญาณซื้อได้
ส่วนคนที่ดูพื้นฐานเก่ง ก็จะรู้ว่าช่วงไหนควรเล่นหุ้นตัวไหนโดยประเมินจากตัวเร่งสำคัญของหุ้นตัวนั้น หรือประเมินจากปัจจัยต่างๆทางเศรษฐกิจที่จะมาส่งผลกระทบกับหุ้นรายตัว
แต่สิ่งที่ยังคงสำคัญที่สุดก็คือ เราต้องมีวิธีการเอาตัวรอดให้ได้เมื่อตลาดเป็นขาลงหรือเกิดวิกฤตรุนแรงในแต่ละปี และพร้อมที่จะกลับเข้าตลาดอีกครั้งเมื่อเห็นโอกาสที่เหมาะสม
ซึ่งในเวลานั้นมันก็มักจะมาพร้อมกับหุ้นนำตลาดชุดใหม่ หน้าใหม่ๆ ให้เราได้เลือกเล่นกันครับ
วัฏจักรการเคลื่อนไหวของเงินในตลาดหุ้นจะวนเวียนอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ทุกปีตลาดจะมีจังหวะและโอกาสดีๆให้เราอยู่เสมอ ทำให้เรายังสามารถแก้ตัวจากบทเรียน-ข้อผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมาได้
ไม่มีคำว่าสายเกินไปครับ…
Old Leaders Has Gone, New Leaders Will Come!”
.
.
Blog 73 : ‘Sector Rotation และการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นนำตลาด’
www.sarut-homesite.net
26 ธันวาคม 2016
Updated กันยายน 2019
ขอบคุณครับ