SWOT ที่เป็นได้มากกว่าเครื่องมือทางการตลาด : พีรพงศ์ สุวรรณโภคิน

“SWOT” คือ เครื่องมือทางการตลาด สำหรับวิเคราะห์ จุดแข็ง,จุดอ่อน,โอกาส และอุปสรรค เพื่อค้นหาว่าองค์กรของเรานั้น อยู่ ณ ตรงไหนของตลาดแล้ว เมื่อเราทราบว่าเราอยู่ ณ ตำแหน่งใดของตลาด เราก็สามารถนำไปประยุกต์เข้ากับทฤษฎี หรือเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆได้อีกมากมาย เพื่อหาข้อมูล หรือผลการวิเคราะห์ออกมาในทิศทาง และรูปแบบที่ต้องการจะทราบ

โดยเครื่องมือ SWOT นั้น จะประกอบไปด้วย

1. S = Strength หรือ จุดแข็ง เป็นปัจจัยภายใน

2. W = Weakness หรือ จุดอ่อน เป็นปัจจัยภายใน

3. O = Opportunity หรือ โอกาส เป็นปัจจัยภายนอก

4. T = Threat หรือ อุปสรรค เป็นปัจจัยภายนอก

เครื่องมือ SWOT จัดว่าเป็น เครื่องมือทางการตลาดที่ใช้ในการวิเคราะห์องค์กรอย่างแพร่หลายไปทั่วทั้งโลก ไม่ว่าองค์กรไหนๆ ต่างก็ต้องเคยผ่านการวิเคราะห์องค์กรตนเองด้วย SWOT มาแล้วทั้งสิ้น และยังคงกระทำอย่างต่ำเนื่อง เพื่อค้นหาความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร และทำให้รู้ว่าองค์กรของตนนั้น อยู่ตรงตำแหน่งใดของตลาด

ที่ผมจะมานำเสนอในวันนี้ คือ การนำเอา SWOT มาใช้กับตัวบุคคล หรือพูดง่ายๆว่า นำมาใช้กับตัวของเราเอง ในความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าการทำงาน หรือการประกอบอาชีพของมนุษย์เราเองนั้น ก็ไม่ได้ต่างไปจากการดำเนินธุรกิจสักเท่าไหร่ ในภาพรวมหลักๆ ในวงการธุรกิจ ก็คือการแข่งขัน เป็นเกมกีฬาประเภทหนึ่ง ที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการครองความเป็นหนึ่ง และต่างฝ่ายก็ต่างต้องดำเนินธุรกิจของตน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย,วัตถุประสงค์ และเหนือสิ่งอื่นใด นั่นก็คือ “วิสัยทัศน์”

ซึ่งมนุษย์เราเองนั้น ก็ต่างที่จะต้องแข่งขันกับผู้อื่นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการแย่งงาน การสร้างผลงานในอาชีพของตน รวมไปถึงการหาโอกาส เพื่อที่จะก้าวนำผู้อื่น และบรรลุเป้าหมาย เช่นเดียวกัน

ในการดำเนินธุรกิจ คุณไม่มีทางที่จะทราบได้เลยว่า โอกาส,อุปสรรค รวมไปถึง คู่แข่งที่แท้จริงขององค์กร นั้นคือใคร ถ้าคุณไม่วิเคราะห์องค์กรของตนเองก่อนว่า องค์กรของคุณนั้น อยู่ ณ ตำแหน่งใดของตลาด

เช่นเดียวกันกับมนุษย์เราทุกคน ถ้าคุณยังหาตำแหน่งของตัวคุณเอง บนเวทีการแข่งขันในอาชีพคุณไม่ได้ คุณก็ไม่มีวันที่จะค้นหา คู่แข่งที่แท้จริง ซึ่งคุณจะต้องเอาชนะ หรือทราบถึงโอกาสบนเวทีการแข่งขันของชีวิตคุณได้ เช่นกัน

การนำเอา SWOT มาใช้กับชีวิตของตัวคุณนั้น เป็นการประยุกต์ใช้ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากการนำไปใช้กับองค์กรเลยแม้แต่น้อย จะแตกต่างกันเพียงแค่เวทีการแข่งขันของคุณนั้น คือ ชีวิตจริง ส่วนขององค์กรนั้น จะเป็นเวทีการแข่งขันทางธุรกิจแทน

เรามาเริ่มต้นกันที่ S และ W ก่อนนะครับ เพราะเป็นการวิเคราะถึง จุดแข็ง และ จุดอ่อน ในตัวของคุณเอง ซึ่งเป็นปัจจัยภายใน และจะส่งผลต่อปัจจัยภายนอกได้แก่ O และ T เป็นปัจจัยความเกี่ยวโยงต่อกัน

โดย S หรือ จุดแข็ง เป็นการวิเคราะห์จุดแข็งของตัวคุณว่า มีอะไรบ้าง คำว่าจุดแข็งนั้น แข็งแค่ไหน โดดเด่นกว่าผู้อื่นหรือไม่ คุณมีทักษะใดๆ บ้างที่ทำให้คุณแข็งแกร่งกว่าผู้อื่น เป็นต้น

มาถึง W หรือ จุดอ่อน คำว่าจุดอ่อนในทีนี้ ผมอยากให้มองเริ่มต้นจาก จุดอ่อนด้านทักษะ มากกว่าด้านประสบการณ์ เพราะ การที่คุณจะเอาชนะผู้มีประสบการณ์นั้น คุณก็จะต้องแก้ด้วยการมีประสบการณ์เช่นเดียวกัน แต่ก็จริงอยู่ว่า บางสถานการณ์มันสามารถพลิกแพลงหาทางแก้ได้มากกว่านั้น แต่ผมจะไม่ขอพูดถึงนะครับ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สภาวะส่วนบุคคลซะมากกว่า ดังนั้น อยากจะให้ทุกๆคน ได้เน้นไปที่ด้านทักษะมากกว่าครับ

จากการวิเคราะห์ในปัจจัยภายใน หลายๆท่านก็คงจะเห็นภาพแล้วว่า การวิเคราะห์ด้วย S และ W จะเป็นวิเคราะห์ความสามารถ และทักษะของตัวท่านเองครับ ซึ่งเมื่อคุณทราบถึงจุดแข็ง-จุดอ่อน ที่ความสามารถของคุณมีนั้น สิ่งที่จะตามมานั่นก็คือ คุณก็จะเริ่มมองเห็นโอกาส และอุปสรรค ด้วยเช่นกัน

ทีนี้มาถึง โอกาส และ อุปสรรค หรือ O และ T จริงอยู่ว่าทั้ง 2 ปัจจัยนี้ จะเป็นปัจจัยภายนอก แต่ก็มีความเกี่ยวโยง และมีส่วนกำเนิดบางส่วนมาจากปัจจัยภายในเช่นกัน การวิเคราะห์ตัวคุณเองด้วย S และ W พอจะทำให้คุณได้เห็นแล้วว่า ตัวคุณเองนั้นอยู่ระดับใด อยู่ตำแหน่งไหน ของเวทีการแข่งขันในชีวิตของคุณ ทั้งยังทำให้คุณเห็นคู่แข่งที่คุณจะต้องต่อกรอีกด้วย ทีนี้เมื่อคุณเห็นตัวคุณเอง และคู่แข่งของคุณ คุณก็จะเริ่มเห็นปัจจัยด้านโอกาส และอุปสรรคด้วยเช่นกัน คู่แข่ง นอกจากจะเป็นอุปสรรคในการแข่งขันของคุณแล้ว ยังจะเป็นโอกาสที่ดี ในการสร้างแรงผลักดันให้กับตัวคุณเอง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนคุณอยู่เสมอ ว่าถ้าคุณพลาด หรือช้าไปแม้เพียงเสี้ยววินาที คู่แข่งก็อาจจะนำหน้าคุณไปแล้ว หรือตามติดคุณมามากขึ้น เช่นกัน

นอกจากนั้น ในส่วนของ O และ T ถ้าเป็นการใช้วิเคราะห์ในองค์กร จะเป็นการวิเคราะห์ถึงด้านปัจจัยภายนอกขนาดใหญ่ เช่น นโยบายของภาครัฐ หรือสภาพการณ์ในเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งคุณสามารถนำมาวิเคราะห์ตัวคุณเองได้เช่นกัน เพราะผลกระทบในวงกว้าง อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณทางตรง แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อคุณในทางอ้อมได้ หรือถ้าจะให้แคบกว่านั้น เพื่อความสะดวก และรวดเร็ว ปัจจัยภายนอกที่เหมาะสม ก็อาจจะเป็น ปัจจัยด้านความก้าวหน้าในองค์กรของคุณเอง เป็นต้น

SWOT อาจจะไม่ใช่เครื่องมือทางการจัดการที่ใหม่ที่สุด หรือละเอียดมากที่สุด เพราะจริงๆแล้วยังมีเครื่องมืออีกมากมาย ที่เหมาะสมกับการนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และชีวิตการทำงานของมนุษย์เรา เช่น STAR’s Model เป็นต้น

ถึงแม้เครื่องมือเหล่านี้จะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อใช้กับมนุษย์ แต่เราก็สามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับมนุษย์ได้ เช่นกัน

อย่าลืมว่า การมุ่งมั่นตามเป้าหมายของตัวคุณนั้น จะเป็นสิ่งดี และสร้างความก้าวหน้าให้กับคุณแค่ไหน แต่ถ้าคุณกระทำลงไปโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนรวม และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนที่ผู้อื่นจะได้รับ รางวัล และความสำเร็จที่คุณได้กลับมา ก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า และขาดความภาคภูมิไปโดยทันที

อย่าลืมนะครับ จริยธรรม แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคน ต้องมี และต้องยึดถือ

SWOT ที่เป็นได้มากกว่าเครื่องมือทางการตลาด

Our Columnist @ www.sarut-homesite.net

พีรพงศ์ สุวรรณโภคิน (Sandels)

31 พ.ค. 2553

Author: admin

1 thought on “SWOT ที่เป็นได้มากกว่าเครื่องมือทางการตลาด : พีรพงศ์ สุวรรณโภคิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.