ความฝัน : วินทร์ เลียววาริณ

จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ นักคิดนักเขียนชาวอังกฤษ (1856-1950) เคยกล่าวว่า “คุณมองสิ่งของต่างๆ และคุณบอกว่า ‘ทำไม?’ แต่ผมจินตนาการสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน และผมบอกว่า ‘ทำไมจะไม่ล่ะ?’ “

ความฝันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์ทุกคน ทว่าไม่ทุกคนที่สามารถใช้ฝันนั้นให้เป็นประโยชน์

บางคนใช้ความสามารถส่วนนี้เป็นเครื่องมือหนีโลก บางคนใช้มันในเชิงลบ บางคนปฏิเสธโลกของความฝันโดยสิ้นเชิง และมักเรียกมันว่า “ฝันกลางวัน” หรือ “ฝันเป็นตุเป็นตะไปได้” หรือ “มันเป็นเรื่องของพวกหนีโลก” ฯลฯ

เคยสังเกตไหมว่า ธรรมชาติไม่เคยสร้างอะไรที่เป็นส่วนเกิน ความฝันน่าจะมีความจำเป็นต่อเรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางทีหากไม่มีความสามารถส่วนนี้ เราอาจไม่อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้

ลองมองไปรอบตัว มีอะไรบ้างที่ไม่ได้เกิดมาจากความฝัน?

เคยสังเกตไหมว่า ฝันเมื่อเรายังเด็กมักจะสร้างสรรค์กว่าเมื่อเราโตขึ้น เพราะสมองของเด็กน้อยยังไม่ถูกโลกของความจริงโหมกระหน่ำว่า นี่เป็นไปไม่ได้ นั่นก็เป็นไปไม่ได้

ความสวยงามของความฝันที่ดีคือมันเปลี่ยนชีวิตผู้ที่ฝันได้ และก็เปลี่ยนชีวิตของทั้งมนุษยชาติไปในทางที่ดีขึ้นได้

ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ลองใช้ประโยชน์จากฝันให้เต็มที่ล่ะ?

มีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างสองประโยคนี้ : “ฉันอยากเป็น…” กับ “ฉันจะเป็น…”

ในแต่ละวัน เราเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ นานา ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินออกจากบ้านไปเผชิญโลก ซ้อนท้ายจักรยานยนต์รับจ้างไปต่อรถเมล์ หนึ่งหรือสองหรือสามทอดไปโรงเรียนหรือไปทำงาน กว่าจะฝ่ารถติดไปถึง ถูกเจ้านายดุว่า ถูกลูกค้าต่อว่า สารพัด ผ่านหนึ่งวันด้วยความเครียด เมื่อจบวันก็นั่งรถเมล์ที่แน่นขนัดกลับบ้าน ซ้อนจักรยานยนต์รับจ้างกลับถึง และบ่นกับตัวเองและคนอื่นว่า นี่ไม่ใช่โลกที่เราเคยฝันไว้เลย

ที่ร้ายกว่านั้นคือ วันรุ่งขึ้นดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรแตกต่างจากวันก่อนที่เลวร้าย นานวันเข้าคุณก็สรุปว่าโลกแห่งความจริงใบนี้อัปลักษณ์ไม่น่าอยู่ เมื่อนั้นเองที่คุณจำเป็นต้องหนี (ตามกฎแห่งการอยู่รอด)

บางคนหนีจากโลกแห่งความจริงไปสู่โลกแห่งความฝัน ด้วยการสร้างฝันมาครอบ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปใด ของมึนเมา ยา ยาเสพย์ติด เพื่อนเลว ฯลฯ

แต่ฝันแบบนี้ไม่เคยยั่งยืน ช้าหรือเร็วคุณก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริงอีก

ทางเดียวที่จะไม่ต้องตื่นขึ้นจากโลกความฝันโดยสิ้นเชิงคือฝันในเรื่องที่ดี และเปลี่ยนความฝันนั้นให้เป็นความจริง

อยากรวยก็รวยได้ อยากเป็นนักเขียนก็เป็นได้ อยากเป็นนักแสดงก็เป็นได้… แน่นอนมันคงไม่ง่าย แต่รับรองว่ายากน้อยกว่านักกีฬาพิการที่ได้เหรียญทองโอลิมปิค คนตาบอดที่เรียนจบมหาวิทยาลัย คนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่รอดชีวิตมาได้ นักร้องที่ไร้แขนขา ฯลฯ

หากคุณบอกว่าโอกาสที่ทำฝันให้เป็นจริงอย่างนั้นมีเพียงหนึ่งในล้าน ก็ทำไมไม่ลองลิ้มรสประสบการณ์ของการเป็นหนึ่งในล้านนั้นเล่า?

เพราะความไม่เชื่อในความฝันของตนเองนี่เอง ที่ทำให้ผมเห็นขอทานมือเท้าสมบูรณ์ทั่วบ้านทั่วเมือง

ในเวที American Idol (ซึ่งเป็นรายการคัดเลือกนักร้องระดับชาติจากทุกมุมโลก) เมื่อปีที่แล้ว ชาวอเมริกันทั้งประเทศเลือกให้นักร้องผิวดำผู้หนึ่งเป็นที่หนึ่ง เขามีร่างอ้วนใหญ่ หน้าตาไม่ใกล้เคียงกับคำว่า ดารา ในมุมมองของบ้านเราเลยแม้แต่น้อย

ทว่าความฝันของเขากลายเป็นจริงเพราะเขาเชื่อมั่นในความฝันของเขาว่าเป็นจริง ได้ แม้ว่ามันดูแทบจะเป็นไปไม่ได้ในมุมมองของหลายคน

บางทีสิ่งแรกที่เราทำคือกล้าที่จะฝัน และกล้าที่จะเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้น และกล้ายอมรับผลที่ตามมา

ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ยอมรับแต่ความสำเร็จ และเมื่อไม่มั่นใจในการเดินทางจากความฝันไปสู่ความจริง ก็มักใช้ข้ออ้างว่า “เปลี่ยนแปลงไปทำไม ชีวิตของฉันก็ดีอยู่แล้ว” หรือ “ถ้าล้มเหลวล่ะ จะทำยังไง?”

บางทีระยะทางระหว่างความฝันกับความจริงไม่ได้ห่างกันอย่างที่เรากลัว

บางทีวันพรุ่งนี้ ก่อนที่คุณจะบ่น ลองสำรวจดูใหม่ว่า มีฝันใดที่คุณอาจทำให้มันเปลี่ยนชีวิตคุณไปในทางที่ดีขึ้นได้บ้าง

และอย่างที่เล่าจื้อบอก “การเดินทางไกลหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก”

ความฝัน

วินทร์ เลียววาริณ

Author: admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.